Header Ads

Header ADS

นักวิทย์เผย “นิสัยรักการอ่านแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์” ช่วยให้คุณฉลาดขึ้นได้






วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวไว้ว่า ที่มาของการสะสมทรัพย์สินเงินตราของเขาส่วนใหญ่นั้น ล้วนมาจากนิสัยคลั่งไคล้การอ่านหนังสืออย่างจริงจัง เขามักจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และใช้เวลาประมาณ 80% ของวัน ไปกับการอ่าน
“อ่านหนังสือ 500 หน้าแบบนี้ทุกวัน คือวิธีเพิ่มพูนความรู้…” วอร์เรน บัฟเฟตต์
เมื่อ CEO แห่ง Berkshire Hathaway ผู้นี้ ได้รับคำถามว่า อะไรคือหัวใจหลักที่นำคุณไปสู่ความสำเร็จ? เขาจึงชี้ไปยังกองหนังสือแล้วตอบว่า “อ่านหนังสือ 500 หน้าทุกวันนี่แหละ วิธีเพิ่มพูนความรู้ของผม ความรู้มันจะสะสมไปเรื่อยๆ เหมือนกับดอกเบี้ยทบต้น ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แต่ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ทำหรอก”
“ผมอ่าน แล้วก็คิดตาม…”  วอร์เรน บัฟเฟตต์
ครั้งหนึ่ง บัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ว่า “ผมอ่าน แล้วก็คิดตาม ดังนั้นผมจึงอ่านให้มากขึ้น และคิดให้มากขึ้น เพื่อจะได้ตัดสินใจได้อย่างเป็นระบบมากกว่านักธุรกิจส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผมทำไปก็เพราะ ผมชอบชีวิตในลักษณะนี้

Flickr|Mark Mathosian
และในที่สุด วิทยาศาสตร์ก็ได้หาคำตอบให้เราได้เห็นว่า “การได้รับแรงบันดาลใจจาก นิสัยรักการอ่าน ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์” สามารถส่งผลดีกับคุณได้ในหลายๆ ทาง

คุณจะมีโอกาสได้เป็นเศรษฐี

เศรษฐีเงินล้านที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตัวเองอย่าง สตีฟ ซีโบลด์ ผู้เขียนหนังสือ “How Rich People Think” ได้ทำการสัมภาษณ์บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกถึง 1,200 คน เพื่อสำรวจว่าพวกเขามีคุณลักษณะแบบไหนที่ตรงกันบ้าง และหนึ่งในนิสัยที่แทบทุกคนจะมีเหมือนกันก็คือ การชอบอ่านหนังสือทุกประเภทตั้งแต่หนังสือพัฒนาตนเองไปจนถึงอัตชีวประวัติ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีนักเขียนอย่าง ทอม คอร์ลีย์ ที่ใช้เวลาถึง 5 ปีในการศึกษาชีวิตประจำวันของเหล่าเศรษฐีกว่า 233 คน และผู้ที่มีฐานะยากจนอีก 128 คน และได้เขียนสรุปผลในบทความที่ชื่อ “Rich Habits: The Daily Success Habits Of Wealthy Individuals” ซึ่งเขาพบว่า 67% ของผู้มีฐานะร่ำรวยจะจำกัดเวลาดูทีวีอยู่ที่ ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นต่อวัน ในขณะที่ผู้ที่มีฐานะยากจนมีเพียงแค่ 23% เท่านั้น ดังนั้น คราวหน้าถ้ากำลังคิดจะคว้ารีโมตเปิดทีวีดูล่ะก็ ขอให้ลองคิดดูใหม่อีกทีดีกว่านะ

คุณจะมีแนวโน้มเป็นคนฉลาด

คำสั่งสอนของพ่อแม่ที่มักส่งเสริมให้ลูกรักการอ่านตั้งแต่ยังเด็กนั้นก็เพราะ “อยากให้ลูกฉลาดมากขึ้น” ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลนี้มีงานวิจัยทางจิตวิทยาและประสาทวิทยามาสนับสนุนเรียนร้อยแล้ว
นักจิตวิทยานามว่า Keith Stanovich ได้เขียนบันทึกไว้ใน U.S. National Library of Medicine National Institutes of Health ว่า “ถ้าหากคำว่า ‘ฉลาดมากขึ้น’ ที่ว่านั้น หมายถึงการมีความรู้และมีคลังคำศัพท์ในหัวมากขึ้นล่ะก็ การอ่านก็น่าจะทำให้ผู้คนฉลาดมากขึ้นได้อย่างแน่นอน”
ในอีก งานวิจัยหนึ่ง พบว่าเมื่อทำการทดลองสแกนสมองของนักศึกษามหาวิทยาลัย หลังจากที่พวกเขาได้อ่านหนังสือประเภทระทึกขวัญ แล้วพบว่ามีการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาและอารมณ์ความรู้สึกเพิ่มมากขึ้น

คุณจะมีแนวโน้มเป็นคนฉลาดทางอารมณ์

หากคุณชอบอ่านหนังสือแนวนวนิยายล่ะก็ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์มีข่าวดีมาบอก
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Public Library of Science, the Journal of Research in Personality, The European Journal of Communication Research และ Science Magazine รวมถึงงานวิจัยอื่นๆ อีกหลายชิ้น พบว่า ผู้คนที่ชอบอ่านงานวรรณกรรมมักมีระดับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและมีความฉลาดทางอารมณ์มากเป็นพิเศษ

คุณจะมีไหวพริบเฉียบคมอยู่เสมอ

การมีงานอดิเรกคือ “การอ่าน” จะสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในระยะยาว
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of American Academy of Neurology เสนอว่า ผู้ที่มักจะทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของความคิดอย่าง การอ่าน จะมีแนวโน้มของการเสื่อมสภาพทางความจำและความคิดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ
ในขณะที่ใครหลายคนมักมองว่าการอ่านหนังสือคือสิ่งที่โรงเรียนบังคับให้ทำ งานวิจัยหลายชิ้นกลับให้ความเห็นว่า การอ่าน คือ การลงทุนให้กับตัวเองมากกว่า และถ้าหากคุณกำลังมองหาหนังสือดีๆ อยู่ล่ะก็ ลองเริ่มจากอ่านหนังสือที่ทางสำเร็จดอทคอมแนะนำนี้ดูสิ 10 หนังสือน่าอ่าน ที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต

http://www.sumrej.com/warren-buffetts-reading-routine-12-2016/

ไม่มีความคิดเห็น

รูปภาพธีมโดย RASimon. ขับเคลื่อนโดย Blogger.