นักวิชาการ..มหาโคธะ !!!
นักวิชาการ..มหาโคธะ !!!
นักวิชาการ..มหาโคธะ !!!
พระคุณเจ้าทั้งหลาย ดู มหาโคธ !! ผู้นี้ ช่างมืดบอดตามัว มิจฉาทิฏฐิ 1,000,000 ล้านเปอร์เซ็น กล่าวหาพระพุทธศาสนา โดยไร้ข้อเท็จจริง อยู่เมืองไทย เมืองพุทธเสียเปล่าว ชีวิตช่างเหมือนทัพพีไม่รู้รสแกง เหมือนลิงได้แก้วมณี ไม่รู้และไม่ได้สัมผัสประโยชน์แห่งพระสัทธรรม อายุยืนเป็นร้อยๆปีก็เกิดมาไร้ค่า
บรรพบุรุษไทย บุรพมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ แม้แต่ในหลวงราชกาลที่ 9 ก็เป็นพุทธมามกะ เคยอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา สมเด็จพระบรมฯ ก็ทรงเคยอุปสมบทเป็นภิกษุมาก่อน พระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆองค์ล้วนเป็นพุทธมามกะทั้งสิ้น ทรงเป็นศาสนูปถมภกยอยกพระพุทธศาสนา
การกล่าวหาศาสนาพุทธ ว่าเป็น ลัทธิมอมเมา ไม่ส่งเสริมสติปัญญา คุณเอาสมองส่วนไหนคิด คำว่าศาสนา กับคำว่า ลัทธิ ยังใช้ปนกัน ศัพท์สองศัพท์นี้ใช้ต่างกัน แค่สองคำยังแยกไม่ออก การกล่าวหาว่าศาสนาพุทธ เป็นลัทธิมอมเมา ไม่ส่งเสริมสติปัญญา ก็เหมือนกับกำลังว่าบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ทวด พ่อ แม่ พระมหากษัตริย์ กำลังหลงลัทธิมอบเมาที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ส่งเสริมสตอปัญญาอย่างนั้นหรือ? นักวิชาการอันธการปัญญา มีลักษณะดุจดั่งพาลผู้นี้ อย่าให้น้ำหนักมาก
เมืองไทยอยู่เย็นเป็นสุข ได้น้อมนำหลักพระพุทธศาสนามาปฏิบัติ องค์กรสหประชาชาติยกย่องศาสนาพุทธ ประกาศวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญของโลกก็ดี วัดวาอารามผุดขึ้นมากมายในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย ฯลฯ นี่คือลัทธิมอมเมา ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นหรือ
คำสอนศาสนาพุทธในพระไตรปิฏก คัมภีร์ต่างๆ ไม่มีสาระ ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นหรือ องค์ดาไลลามะก็ดี ท่านติช นัทฮันห์ก็ดี หลวงปู่ชาก็ดี หลวงพ่อพรหมคุณาภรณ์ก็ดี พระภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ เป็นผู้เผยแผ่ลัทธิมอมเมาที่ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นหรือ ดร.อัมเบดการ์, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, สตีฟ จ๊อบส์ นักคิดนักวิทยาศาสตร์ ยังให้การยอมรับพุทธศาสนา แต่นายมหาโคธะ !! ผู้นี้ มีสติปัญญายิ่งใหญ่กว่าคนเหล่านี้นั่นหรือ ถึงได้กล่าวว่าพระพุทธศาสนาเป็นลัทธิ ไร้ประโยชน์ งมงาย
การอ้างว่าขัดต่อสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน งมงาย ประเทศไทย คนส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนใช่หรือไม่ ถ้าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จะขัดอะไรตรงไหน ก็ต้องมาดูผลมติกัน
การกล่าวหาด้วยถ้อยคำ อันเป็นเท็จ บนพื้นฐานการไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง และเหตุผล ห้าหกข้อเพื่อไม่ให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ด้วยลักษณะเนื้อหาดังกล่าวนี้ เป็นความคิดนักวิชาการผู้มีปัญญา หรือ ทุปปัญญากันแน่
เปิดเผยธาตุแท้ออกมาว่าคุณเป็นคนพุทธจริงแท้ เคยเข้าวัดทำบุญ เคยปฏิบัติธรรมทำกรรมฐาน เคยบวชเป็นพระภิกษุ สามเณรดุจดั่ง ในหลวงเราหรือไม่ เคยสนทนาธรรม เคยอ่านพระไตรปิฏก หนังสือธรรมะพระพุทธศาสนา หรือไม่ เหตุใดมองแบบกระบือผู้มืดบอดอันธการ ว่า การบัญญัติพระพุทธศาสนา เป็นลัทธิการมอมเมา ไม่มีประโยชน์เล่า นอกจากจากเป็นคนศาสนาอื่นมอง
บักกระบือมืดบอดผู้นี้ จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านจิตวิญญาณการศึกษาและประวัติศาสตร์ศาสนา มหาวิทยาลัยนาโรปะ เมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นนักเขียน มีการศึกษาดี แต่การมีการศึกษาดี ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะมีสติปัญญา นักวิชาการ ก็จะกลายเป็น วิชากู
แต่คำว่า "ศาสนาพุทธในแบบที่ท่านพยายามจะบัญญัติให้เป็นศาสนาประจำชาติ คือ ลัทธิมอบเมาที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ส่งเสริมสติปัญญา... ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน งมงาย กีดกันความหลากหลาย" แหม มันช่างวัดคุณค่าที่ดั้นด้นไปเรียนมาเสียไกลว่า ตาสีตาสาคนธรรมดาที่ไม่จบปริญญาสูง ยังเข้าใจ ศาสนาพุทธได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
หรือมีใครจะมองเห็นว่า พุทธศาสนา คือ ลัทธิมอบเมาที่ไม่มีประโยชน์ดั่ง นักวิชาการ..มหาโคธะผู้นี้กล่าว ภัยศาสนาจากศาสนาอื่นก็หนักเอาการ ภัยศาสนาจากนักการเมือง ภัยศาสนาจากนักวิชาการ ภัยศาสนาจากนักกฎหมาย น่ากลัวยิ่งนัก คนเหล่านี้ยิ่งทรงความรู้จบ ดร. จบการศึกษาเมืองนอก ยืดถือประชาธิปไตยมากสามารถทิ้งธรรมได้ นักวิชาการแม้จะเป็น ศาสตราจารย์ ดร. ปริญญามากมายมหาศาลเท่าใดก็ตามแต่ บรรพบุรุษ ปู่ย่าตาทวดอยู่เย็นเป็นสุขมาถึงปัจจุบันเพราะน้อมนำพระสัทธรรมคำสอนพุทธ ศาสนามาประพฤติปฏิบัติ มีวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามอันเกี่ยวเนื่องด้วยพุทธศาสนา แต่บักปัญญามืดมนอันธกาล โคธะ !! ผู้นี้ก็ยังมองไม่เห็นประโยชน์ กล่าวได้แต่เพียงว่า ศาสนาพุทธ เป็นลัทธิมอบเมา ไร้สาระ แล้วคนมองเช่นนี้มีสติปัญญา มองเห็นหรือป่าว อย่าทำตัวเป็นบัวใต้น้ำเลย ขอร้อง.. !!
จำมหาโคธะ !! คนนี้ได้ไม
☆☆ เมื่อหลายปีก่อนที่มีข่าวฝรั่งนำพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาจัด อ้างว่าเป็นงานศิลปะ “พระพุทธเจ้าล้ม” "หรือ "พระพุทธเจ้านอน" ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน โดยพระพุทธรูปถูกจัดวางให้ล้มหงายบนพื้นที่สาธารณะ แถมยังเปิดให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ขึ้นไปปีนป่ายบนพระพุทธรูปได้ (ข่าว : http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000078373&Html=1&CommentReferID=23349164&CommentReferNo=79&TabID=1)
มีพระภิกษุซึ่งเป็นพระธรรมทูตไทยต่างประเทศและชาวพุทธไทยจำนวนมาก แสดงความไม่พอใจ มองว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการหมิ่นศาสนา และมีการรวมตัวเรียกร้องให้อำนาจรัฐเข้ามาจัดการขบวนการล้มพระพุทธเจ้านั้น เสีย นำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะมี นายนักวิชาการ มหาโคธะ !!! เขียนบทความแสดงทัศนะเห็นดีเห็นงาม ชื่นชมกับงานศิลปะ อันเป็นภาพที่สะเทือนจิตใจชาวพุทธทั่วโลกว่า เหมาะสมหรือไม่ กับการนำวัตถุสัญลักษณ์อันเป็นที่เคารพพุทธศาสนา มาจัดวางในที่ๆไม่เหมาะสม การกระทำเช่นนี้ ไม่เรียกว่าย่ำยีจะเรียกว่าอะไร หากมีใครสักคนเอารูปบิดามารดา หรือรูปที่คุณเคารพรักมาทำลักษณะเช่นนี้ เป็นการดูถูก เหยียบย่ำ หากไม่ศรัทธาก็ไม่ควรเหยียบย่ำ ถ้าทำกับศาสนาอื่นคงจะไม่หนักกว่านี้หลายเท่า
สำหรับคุณนักวิชาการ มหาโคธะ !!! (อ้างอิง : http://www.prachatai.com/journal/2014/09/55325) มีทัศนะดังนี้ว่า "แต่สำหรับผม งานแสดงชิ้นนั้น
คืองานศิลปะร่วมสมัยที่มีความงดงามในตัวมันเอง
คนทั่วไปที่เดินผ่านมาพบเห็นพระพุทธเจ้าล้มสามารถเข้าไปเล่นได้ แตะได้
หยอกได้ ยิ้มได้ และหัวเราะได้ การได้เห็นภาพเด็กๆ
ปีนป่ายพระพุทธรูปล้มหงายในพื้นที่สาธารณะช่วยเปิดจินตนาการ
สร้างบรรยากาศอันผ่อนคลายและเปิดกว้างในใจได้อย่างน่าประหลาด"
แค่มุมมองตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่า คุณนักวิชาการมหาโคธะ !!! ผู้นี้มองไม่เหมือนชาวพุทธคนอื่นๆมอง ย่ำยีรูปอันเป็นเครื่องหมายพระพุทธศาสนา และ ณ บัดนี้ก็กล่าวเนื้อหาว่า "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ คือ ลัทธิมอมเมาไม่มีประโยชน์ ไม่ส่งเสริมสติปัญญา" มีความหมายโดยชัดเจนว่าเป็นสิ่งไร้สาระ เป็นลัทธิมอมเมา งมงาย เป็นต้น ทำให้เชื่อได้ว่า เขาคนนี้อาจจะเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาหรือไม่
อย่าอวดตนว่าจบเมืองนอก แล้วดูถูกผู้อื่นว่าเขลา คนมองเช่นนี้ คือ มหาพาโล ทุปปัญโญบุคคล อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกล กลับมามองพุทธศาสนา ว่าเป็นลัทธิมอมเมา ไร้ประโยชน์ งมงาย สู้ประชาชนคนธรรมดา ยากจนเรียนเมืองไทย ยังรู้คุณความดีกว่าคนจบเมืองนอกมาเสียอีก
มันมีที่มาว่าทำไมถึงเรียกคนคนนี้ว่า "มหาโคธะ"
แค่มุมมองตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่า คุณนักวิชาการมหาโคธะ !!! ผู้นี้มองไม่เหมือนชาวพุทธคนอื่นๆมอง ย่ำยีรูปอันเป็นเครื่องหมายพระพุทธศาสนา และ ณ บัดนี้ก็กล่าวเนื้อหาว่า "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ คือ ลัทธิมอมเมาไม่มีประโยชน์ ไม่ส่งเสริมสติปัญญา" มีความหมายโดยชัดเจนว่าเป็นสิ่งไร้สาระ เป็นลัทธิมอมเมา งมงาย เป็นต้น ทำให้เชื่อได้ว่า เขาคนนี้อาจจะเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาหรือไม่
อย่าอวดตนว่าจบเมืองนอก แล้วดูถูกผู้อื่นว่าเขลา คนมองเช่นนี้ คือ มหาพาโล ทุปปัญโญบุคคล อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกล กลับมามองพุทธศาสนา ว่าเป็นลัทธิมอมเมา ไร้ประโยชน์ งมงาย สู้ประชาชนคนธรรมดา ยากจนเรียนเมืองไทย ยังรู้คุณความดีกว่าคนจบเมืองนอกมาเสียอีก
มันมีที่มาว่าทำไมถึงเรียกคนคนนี้ว่า "มหาโคธะ"
วรสามิ เขมรัฐเชียงตุง
09/11/58
ไม่มีความคิดเห็น